Haijai.com


กำจัดถุงใต้ตา เพื่อใบหน้าที่อ่อนเยาว์


 
เปิดอ่าน 6353

กำจัดถุงใต้ตา เพื่อใบหน้าที่อ่อนเยาว์

 

 

ปัญหาถุงใต้ตาหย่อน ตก และริ้วรอยรอบดวงตา นับว่าเป็นปัญหาหนึ่งที่ดึงคาวมสดใส อ่อนวัยไปจากใบหน้า ทั้งนี้การเกิดถุงใต้ตานั้น มีสาเหตุอยู่หลายประการ ทั้งจากสภาพการใช้งานของสายตาในการเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารต่างๆ เป็นเวลานาน หรือการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดมากเกินไป สภาพแวดล้อมที่อยู่ ความเครียด การลดลงอย่างฉับพลันของฮอร์โมนเพศหญิง รวมไปถึงจำนวนอายุที่มากขึ้น

 

 

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเซลล์ผิว แต่อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของถุงใต้ตานั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ ถุงใต้ตาแท้ และถุงใต้ตาเทียม โดยมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้ “ถุงใต้ตาแท้” เกิดจากระบบต่อมไร้ท่อภายในร่างกายทำงานผิดปกติ ซึ่งโดยปกติแล้วคนเราจะมีก้อนไขมัน 3 ก้อนอยู่ใต้ตา และก้อนไขมันเหล่านี้จะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นไปตามอายุ แต่สำหรับบางคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาแท้ อาจจะสังเกตเห็นถุงใต้ตาได้ตั้งแต่อายุประมาณ 20 ปี “ถุงใต้ตาเทียม” เป็นอาการบวมน้ำที่เกิดขึ้นในบริเวณใต้ตาล่าง โดยมีสาเหตุมาจากระบบการไหลเวียนในร่างกายไม่ดี ส่งผลให้ มีของเหลวไปคั่งอยู่ที่ใต้ตา โดยมากมักเกิดกับคนที่มีพฤติกรรม อดนอน ร้องไห้บ่อยครั้ง ชอบขยี้ตา และใช้สายตามากเกินไป ซึ่งลักษณะนี้สามารถรักษาได้โดยง่าย เพียงพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นประคบเย็นที่ดวงตาเป็นประจำอาการก็จะดีขึ้นตามลำดับ

 

 

ดังนั้น แล้วปัญหาที่แท้จริง คือ ปัญหาที่เกิดจากถุงใต้ตาแท้ ซึ่งเกิดจากความเสื่อมสภาพของผิวบริเวณรอบดวงตา เพื่อเป็นการรับมือกับความเสื่อมสภาพของผิวบริเวณรอบดวงตา เพื่อเป็นการรับมือกับปัญหาถุงใต้ตาหย่อนคล้อยนี้ จึงจำเป็นต้องเข้าใจที่มาที่ไปของถุงใต้ตาเสียก่อน

 

 

ทำไมเราจึงต้องมีถุงใต้ตา

 

ถุงใต้ตาก็คือไขมันที่อยู่ใต้ลูกตาบริเวณด้านล่างของเบ้าตา และเรามีถุงใต้ตากันทุกคนตั้งแต่เกิด ขณะที่เรายังอายุยังน้อย กล้ามเนื้อรอบดวงตาจะมีความแข็งแรงเป็นเหมือนผนังกั้น ไม่ให้ไขมันดันตัวออกมา แต่เมื่อใดที่เราอายุมากขึ้น กล้ามเนื้อก็จะอ่อนแรงลง จึงทำให้ไขมันที่มีอยู่เดิม สามารถดันตัวออกมาให้เห็นเป็นถุงได้ คนส่วนใหญ่จึงเรียกว่าถุงใต้ตา จะว่าไปแล้ว การมีถุงใต้ตา จำเป็นต้องเอาออกหรือไม่ คำตอบคือ ไม่จำเป็น เนื่องจากมันไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพหรือการมองเห็นแต่อย่างใด ในบางครั้ง บางเวลาถุงใต้ตาที่เกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่น ก็อาจถูกมองเป็นเรื่องของแฟชั่นความสวยความงามชนิดหนึ่ง ที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะในกลุ่มสาวญี่ปุ่น-เกาหลี-จีน ที่นิยมทำหน้าให้แบ๊ว ถึงขนาดใช้สติ๊กเกอร์ติดขอบตาล่าง เพื่อให้ดูตาตุ่ยๆ ดูน่ารัก

 

 

ทั้งนี้คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการเนื่องจากมันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของความแก่ และยังทำให้ดูเหนื่อยอ่อนล้า หน้าโทรม ไม่สดใส ดูมีอายุมากขึ้นกว่าที่ควรเป็น จึงต้องการลด หรือเอาออก โดยบางคนต้องพึ่งการทำศัลยกรรม หรือซื้อหาครีมบำรุงเป็นประจำ ซึ่งวิธีแก้ไขนปัจจุบันมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดเปลือกตาล่าง การใช้เลเซอร์ การใช้ฟิลเลอร์ฉีดบริเวณใต้ตาให้ดูเต็มอวบอิ่มขึ้น การปลูกถ่ายอวัยวะไขมัน โดยใช้เนื้อเยื่อไขมันของตัวเอง มักจะมาจากหน้าท้องต้นขาหรือบริเวณสะโพก เพื่อให้รอยถุงใต้ตาเต็มขึ้น แต่วิธีที่นิยมและได้รับการยอมรับเรื่องความปลอดภัย คือ การผ่าตัดเปลือกตาล่าง และการใช้เลเซอร์นั่นเอง

 

 

การแก้ไขปัญหาถุงใต้ตา หากมีปัญหาตรงบริเวณถุงใต้ตาล่าง ที่เกิดจากไขมันหย่อนคล้อยลงมา เนื่องจากกล้ามเนื้อตาล่างอ่อนตัวลงจากอายุที่มากขึ้น พูดง่ายๆ คือ เมื่ออายุมาก กล้ามเนื้ออ่อนตัว ไขมันก็จะดันขึ้นมา การรักษาก็มีด้วยกัน 2 วิธีคือ

 

 

1.ผ่าตัดลดขนาดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty)

 

สำหรับในรายที่ถุงใต้ตาบวมแล้ว ประกอบกับมีรอยย่น ผิวหนังยับลักษระเช่นนี้ จะแนะนำให้ผ่าตัดข้างนอก แล้วก็ดึงหนัง กำจัดกล้ามเนื้อที่ย่นออกไป แล้วถึงไขมันออกด้วย วิธีนี้เป็นการผ่าตัดที่ลงแผลติดกับขนตาทางด้านผิวหนัง มีข้อเสียคือ อาจมีแผลเป็นติดกับขนตา แต่เมื่อแผลเป็นหายดีส่วนใหญ่จะเห็นไม่ชัดหรือเนียบเรียบเลย วิธีการนี้สามารถใช้ตัดผิวหนัง ไขมันและกล้ามเนื้อส่วนเกินได้ ทำให้สามารถลดรอยย่นใต้ตาได้ โดยจะมีแผลประมาณ 4-5 วัน และประมาณ 1 เดือน แผลก็จะเลือนลางไปเอง วิธีนี้จะสามารถแก้ปัญหาถุงไขมันใต้ตาและเก็บผิวหนังส่วนเกินออก ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง แลดูไม่เหนื่อยล้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีถุงไขมันใต้ตามากผิดปกติ รวมทั้งผิวใต้ตาหย่อนคล้อย แต่ทั้งนี้ผลลัพธ์จากผ่าตัดไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยตีนกาที่เกิดขึ้นแล้วได้

 

 

ปัจจุบันแนวโน้มการผ่าตัดถุงไขมันใต้ตาเปลี่ยนไป สมัยก่อนจะผ่าตัดเอาถุงไขมัน ออกเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อติดตามผลการรักษา พบว่าคนไข้เกิดปัญหา ร่องตาลึก ขึ้นจนมองเห็นได้ชัด เพราะการนำถุงไขมันใต้ตาออกไม่ว่าจากด้านนอก หรือออกจากด้านใน แล้วใช้พลังงานเลเซอร์รักษาควบคู่ เพื่อให้ผิวกระชับขึ้นนั้น ได้ผลเพียงแค่ชั่วคราว ร่องตาดังกล่าว ก็ยังแก้ไม่หายเป็นที่มาของวิธีการรักษาแนวใหม่ ที่ใช้การผ่าตัดเก็บถุงไขมันใต้ตาไว้ มาถมลงใน ร่องแทนการเอาออก ซึ่งในระยะแรกๆ ของการรักษานี้ไม่เป็นที่ยอมรับกันนักในหมู่ศัลยแพทย์ กระทังเห็นผลที่สร้างความพึงพอใจให้กับคนไข้เป็นอย่างมาก

 

 

วิธีการผ่าตัด แพทย์จะทำการวาดเส้นทำเครื่องหมายที่เปลือกตาล่าง เพื่อกำหนดตำแหน่งที่ต้องแก้ไข และฉีดยาที่หนังตาบริเวณผ่าตัด แพทย์จะทำการผ่าตัดหนังตาล่างทีละข้าง โดยแผลซ่อนใต้ขนตาล่าง แล้วจัดการเก็บไขมันส่วนที่มากเกินออกด้วย เพื่อแก้ไขถุงใต้ตาล่าง แพทย์ก็จะแก้ไขผิวหนังที่เกินและหย่อน โดยจะทำการวัดอย่างละเอียดก่อนตัดออก (การตัดผิวหนังมากเกินไปจะทำให้หนังตาปลิ้น) หลังจากนั้น ก็จะแก้ไขส่วนกล้ามเนื้อที่หย่อน โดยเก็บกล้ามที่เกินออก แล้วทำการขึงยึดกล้ามเนื้อหนังตาล่างให้ตึงขึ้น จากนั้น ก็ถึงขั้นตอนการเย็บปิดแผลให้เรียบร้อยที่สุด เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย โดยใช่เวลาในการผ่าตัดประมาณ 45-60 นาที และหลังผ่าตัดแพทย์จะใช้ให้นอนพักฟื้นราวๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ยาชาและยานอนหลับหมดฤทธิ์เสียก่อน จึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ โดยสามารถใช้ตาได้เหมือนเดิม ทั้งนี้แผลเป็นเส้นบางจะซ่อนอยู่ชิดแนวใต้ขนตาล่าง คล้ายรอยของ eyeliner มีไหมเส้นเล็กเท่าเส้นขน 2-3 จุด ที่ต้องตัด จากบริเวณขอบตาด้านข้างจะมีแผลห่างออกมาไม่เกิน 5 มิลลิเมตร ขึ้นกับสภาพผิวหนังที่หย่อน โดยแผลสามารถอาบน้ำ แต่งหน้าได้ตามปกติ และจะทำการตัดไหมเมื่อครบ 7 วัน หลังตัดไหม แผลอาจจะดูชมพูในบางคน แต่จะจางหายไปในทีสุด

 

 

หลังผ่าตัด สิ่งที่ควรปฏิบัติก็คือหมั่นประคบเย็นที่บริเวณหน้าผากและรอบดวงตา โดยเฉพาะในช่วง 2 วันแรกหลังผ่าตัด รวมถึงนอนยกศีรษะสูงไว้ เพื่อลดอาการบวมจากการคั่งของเลือดและของเหลวภายใน รับประทายาแก้อักเสบ ยาลดบวม และทายาขี้ผึ้งเคลือบที่แผลตามแพทย์สั่ง ควรงดการใช้สายตาในช่วงแรกๆ เช่น การดูทีวีหรืออ่านหนังสือ เพราะอาจทำให้แผลอักเสบและหายช้าได้ ในรายที่ใส่คอนแทคเลนส์ให้เปลี่ยนไปสวมแว่นแทนในช่วงสัปดาห์แรก หรือจนกว่าจะหายบวม เนื่องจากการดึงเปลือกตาเพื่อใส่คอนแทคเลนส์ อาจทำให้แผลผ่าตัดแยกได้

 

 

2.การใช้เลเซอร์ (Laser Eye Bag Removal)

 

เหมาะสำหรับในรายที่มีไขมันหย่อนลงมาเฉยๆ โดยที่ผิวหนังด้านนอกไม่ย่นนัก จะใช้เลเซอร์ยิงแล้วดูดเอาไขมันด้านในออกมา จะไม่มีแผล ซึ่งเทคโนโลยีของเครื่องเลเซอร์ มีข้อดีคือ สะดวก ปลอดภัย (หากทำในแพทย์ที่มีความชำนาญ) แผลเล็ก และซ่อนอยู่ด้านใน โดยที่ไม่ต้องเย็บ เนื่องจากแผลมีขนาดเล็ก เพียง 0.5 – 1 เซนติเมตร นอกจากนี้คุณสมบัติพิเศษของแสงเลเซอร์ ยังสามารถช่วยห้ามเลือดได้ในตัว ทำให้การรักษาเสียเลือดน้อย และไม่ค่อยเกิดอาการบวม ช้ำ เมื่อเทียบกับการผ่าตัดด้วยการผ่าตัดถุงใต้ตาจากภายนอก สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เป็นปกติในวันถัดไป โดยไม่มีแผลภายนอกให้เห็น การทำเลเซอร์ถุงใต้ตาถือว่ามีความปลอดภัยสูง ถ้าทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ต้องกังวลว่าแสงเลเซอร์จะไปกระทบกับดวงตา เนื่องจากในขณะรักษาดวงตาทั้งคู่จะถูกปกป้องด้วยตัวครอบตา ซึ่งแสงเลเซอร์ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ อีกทั้งการผ่าตัดทั้งหมด ก็อยู่ในส่วนของหนังตาล่างเป็นหลักมิได้ทำที่ลูกตาแต่อย่างใด

 

 

คำถามต่อมาคือ เมื่อเลเซอร์ถุงใต้ตาแล้ว จะกลับมาอีกหรือไม่นั้น การนำถุงใต้ตาออกด้วยแสงเลเซอร์เป็นการนำไขมันสว่นเกินออกเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นการนำไขมันออกจนหมด ซึ่งตามหลักแล้วถ้าเรานำถุงไขมันออกจนหมด แทนที่ใต้ตาจะดูเรียบเนียนก็จะได้ตาที่ลึกหรือโบ๋มาแทน อย่างไรก็ตามไขมันที่เหลืออยู่ก็มีจำนวนน้อยมาก จึงไม่สามารถดันตัวออกมาให้เราเห็นเป็นถุงไปอีกหลายๆ ปี ทั้งนี้ยังรับรองไม่ได้ว่าจะกลับมาอีกหรือไม่ เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันของคนไข้แต่ละราย แต่ถ้ามีอีกก็ไม่มากเหมือนเดิมและสามารถทำการรักษาซ้ำใหม่ได้ ในบางรายอาจกลัวเรื่องของการทำเลเซอร์ถุงใต้ตาแล้วมีโอกาสทำให้ตาปลิ้นนั้น ตามหลักแล้วจะไม่เกิดอาการนี้ เนื่องจากเลเซอร์ถุงใต้ตา เป็นการนำถุงไขมันใต้ตาส่วนเกินออกเท่านั้น ไม่ได้ตัดหนังตาหรือกล้ามเนื้อตาออกแต่อย่างใด ดังนั้น  ปัญหนี้จึงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

ส่วนผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นนั้น อาจมีเลือดออกระหว่างทำ และหลังทำอาจมีอาการบวมอยู่ประมาณ 3-7 วัน ประมาณ 1 สัปดาห์แผลถึงจะสนิทดี ดังนั้นควรงดการออกกำลังกาย แบบหนักๆ  และควรงดใส่คอนแทคเลนส์อย่างน้อย 1 สัปดาห์

 

 

ทั้งนี้การใช้เลเซอร์กำจัดถุงใต้ตา ยังสามารถแก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตาได้อีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะรอยคล้ำที่เกิดจากเงาของถุงใต้ตา เมื่อเรานำถุงใต้ตาออกแล้ว รอยคล้ำก็จะหายไปได้ด้วย แต่ถ้าเป็นรอยคล้ำจากสาเหตุอื่น เลเซอร์ถุงใต้ตาช่วยไม่ได้ สำหรับข้อจำกัดของวิธีการนี้เหมาะกับคนไข้ที่อายุไม่เกิน 60 ปี หรือผู้ที่ไม่มีรอยย่นและหนังเกินบริเวณใต้ตามากนัก

 

 

รู้หรือไม่

 

ปัญหาถุงใต้ตาพบมากในสาวเอเชีย ตั้งแต่วัยรุ่นถึงสูงวัย โดยเป็นกระพุ้งของไขมันที่สะสมอยู่ใต้เส้นขนตา จนกลายเป็นอาการบวมใต้เปลือกตาล่าง พอมีมากๆ ขึ้นก็ทำให้ดูเหน็ดเหนื่อยหน้า โทรม ไม่สดใส มีอายุมากขึ้น

(Some images used under license from Shutterstock.com.)