Haijai.com


ผ่าตัดแปลงเพศ เปลี่ยนเพศชายกลายเป็นหญิง


 
เปิดอ่าน 7011

ผ่าตัดแปลงเพศ ยกเครื่องชายกลายเป็นหญิง

 

 

ความสวยความงามของผู้หญิงยุคนี้ เรียกได้ว่ามีแต่คำว่า สวยมาก กับสวยน้อย แต่เพียงเท่านั้น เพราะด้วยความช่วยเหลือจากเครื่องมือแพทย์ และการรู้จักดูแลที่มากขึ้น จึงทำให้ผู้หญิง รวมถึงผู้ชายกลายเป็นบุคคลธรรมดาที่ไมต้องเป็นดารา แต่ก็ดูดีในสายตาคนอื่นได้ และหากกล่าวถึงคนสวยแล้ว ใครหลายคนคงเคยผงะกับรูปร่าง หน้าตาของหญิงเทียม ที่แทบจะกินขาดเมื่อเทียบกับหญิงแท้มานักต่อนัก เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหน เธอคนนั้นก็ดูสวยเป๊ะ แบบไม่เหลือเค้าโครงความเป็นชายเหลืออยู่เลย แต่กว่าที่ได้คำชื่นชมว่าสวย พวกเธอก็ต้องผ่านการยกเครื่องออกแบบร่างกายมาไม่น้อย เหล่านั้นเองที่เรียกว่า “ศัลยกรรมแปลงเพศ”

 

 

การผ่าตัดแปลงเพศ เป็นการผ่าตัดแปลงเพศ จากเพศชายกลายเป็นเพศหญิง หรือแปลงจากเพศหญิงกลายเป็นเพศชาย แต่ในกรณีนี้เราจะพูดถึงการผ่าตัดสำหรับบุคคลที่มีร่างเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่มีความสมบูรณ์แบบและดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการผ่าตัดแปลงเพศหญิงให้กลายเป็นชาย เนื่องจากเวลาของการแปลงเพศหญิงให้กลายเป็นชายจะใช้ระยะเวลาอยู่ที่ประมาณ 10 เดือน ไปจนถึง 1 ปี ซึ่งถือว่ากินเวลานานอยู่พอสมควร อีกทั้งรายละเอียดของสภาพร่างกายของผู้หญิงที่ค่อนข้างเยอะกว่าผู้ชาย

 

 

จึงทำให้ต้องอาศัยความค่อยเป็นค่อยไปในการศัลยกรรม ในกรณีของการแปลงเพศชาย ส่วนใหญ่แล้วจุดเริ่มต้นของการเป็นเพศหญิงที่สมบูรณ์แบบก็คือ การมีเต้านม ที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงทุกคน ต่อมาอาจเป็นการเปลี่ยนเส้นเสียงให้อ่อนนุ่มลง การเหลาลูกกระเดือก ไปจนถึงการแปลงเพศ หรือการสร้างช่องคลอด เป็นต้น

 

 

เปลี่ยนเพศทั้งที ต้องมีอะไรบ้าง ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การแปลงเพศจากชายเป็นหญิง คือ การเพิ่มเติมในส่วนที่ผู้ชายไม่มี และเป็นการตัดต่อในสิ่งที่ถือเป็นส่วนเกินในผู้ชายออกไป อวัยวะเหล่านั้น ได้แก่

 

 

 ผ่าตัดลูกกระเดือก (Thyroid Chrondoplasty) เป็นส่วนนูนของกระดูกอ่อนตรงบริเวณกล่องเสียงที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งกระดูกที่ว่าก็คือ กระดูกอ่อนไทรอยด์ตั้งอยู่ตรงบริเวณต้นทางของหลอดลม และทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของกล่องเสียง การผ่าตัดลูกกระเดือก เป็นการลดขนาดของลูกกระเดือกในเพศชายให้มีขนาดเล็กลง โดยจะเป็นการลดความสูงนูนของลูกกระเดือกให้ราบขึ้น แต่การผ่าตัดจะไม่สามารถลดความกว้างของกล่องเสียงลงได้

 

 

จึงกล่าวได้ว่า เป็นการผ่าตัดเพื่อช่วยกลบความนูนของลูกกระเดือก ให้ดูเหมือนผู้หญิงมากขึ้น แต่ไม่ได้เป็นการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนเสียงพูด ขั้นตอนการผ่าตัดนั้น แพทย์จะทำการวางยาสลบ หรือฉีดยาชาแก่คนไข้ ทั้งนี้คนไข้ควรงดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดเป็นเวลา 6 ชั่วโมง จากนั้นแพทย์จะทำการเปิดแผลยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ตรงบริเวณผิวหนังในตำแหน่งที่สูงที่สุดของลำคอ ซึ่งจะเป็นรอยพับของส่วนคางและลำคอ เพื่อเป็นการซ่อนแผลจากการผ่าตัด ต่อมาแพทย์จะเริ่มทำการตัดกระดูกอ่อนไทรอยด์ เพื่อเป็นการปรับขนาดของลูกกระเดือกให้มีขนาดเล็กลง หรือราบขึ้น

 

 

ในกรณีที่คนไข้มีแคลเซียมสะสมตรงบริเวณลูกกระเดือกที่ค่อนข้างเยอะ แพทย์จะใช้เครื่องกรอเข้าช่วยในการผ่าตัด เมื่อได้ขนาดตามสมควรแล้ว ก็จะทำการเย็บปิดบาดแผล โดยหลังจากผ่าตัดคนไข้ควรทาครีมแก้อักเสบบริเวณแผลเช้าเย็น อย่างเบามือหลังเปิดผ้าพันแผล นอกจากนี้ควรงดสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ภายใน 1 สัปดาห์ หากพบว่ามีเลือดออกตรงบริเวณแผล คนไข้ควรติดต่อแพทย์ผู้ทำการรักษาโดยทันที และแพทย์จะนัดตัดไหมอีกครั้งหลังผ่าตัดไปแล้ว 5 วัน คนไข้สามารถนวดหรือคลึงแผล เพื่อเป็นการลดอาการตึง รวมถึงทาวิตามินอี เพื่อเป็นการช่วยลดรอยแผลหลังผ่าตัดให้ดีขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามแผลเป็นดังกล่าวจะจางหายไปหลังการผ่าตัดไปแล้ว 1 เดือน

 

 

 เสริมหน้าอก (Breast Augmentation) สิ่งที่สาวเทียมให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ การเสริมเต้านม เพราะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดูเป็นผู้หญิงได้รวดเร็ว และสามารถเห็นผลได้ชัดเจนที่สุด โดยการเสริมนมก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ง่ายในปัจจุบัน เพียงต้องคัดสรรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือสถานเสริมความงามที่ดีมีคุณภาพก็พอ การเสริมหน้าอกถือเป็นการผ่าตัดเพื่อเพิ่มขนาดของเต้านมให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มสัดส่วนโค้งเว้า และช่วยให้รูปร่างของบุคคลนั้นดูดีขึ้น สำหรับการเสริมนมในเพศชายนั้น มักจะใช้ซิลิโคน (Silicone Gel Implants) ในการช่วยสร้างเต้านมขึ้นมา ซึ่งส่วนประกอบของซิลิโคนจะประกอบด้วยวัสดุ 2 ส่วน คือ

 

 

 ส่วนภายนอก โดยจะเป็นเนื้อซิลิโคนคุณภาพดี สามารถทนแรงบีบ ทนการยืดขยายตัวได้ดี ไม่เป็นปัญหาในเรื่องของการรั่วซึม และจะไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย

 

 

 ส่วนที่สองคือของเหลว  ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้วจะเป็นน้ำเกลือ หรือซิลิโคนเหลวคุณภาพสูง ที่ได้รับการพัฒนาให้มีการเกาะตัวระหว่างโมเลกุลที่ดีมาก จึงทำให้ซิลิโคนสามารถคงรูปร่างได้ดี และเกิดการรั่วซึมที่ต่ำ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นวัสดุที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในทางการแพทย์

 

 

ในส่วนของการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดนั้น คนไข้จะมีความรู้สึกตึงบริเวณหน้าอกอยู่ประมาณ 2-3 วัน ควรนวดคลึงบริเวณหน้าอกอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี จะดีที่สุด เพราะหลังจากเสริมเต้านมมาแล้ว ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาต่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาอยู่ภายในร่างกาย และสร้างพังผืดขึ้นมาเกาะบริเวณรอบเต้านม จนอาจทำให้เต้านมเกิดอาการแข็งหรือเบี้ยวไม่เท่ากันได หลังการผ่าตัดไปแล้วประมาณ 1-2 เดือน รูปร่างและขนาดของเต้านมจะคงอยู่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้คนไข้ควรดูแล และหมั่นปฏิบัติร่างกายตามแพทย์สั่ง

 

 

 ผ่าตัดแปลงเพศ (Sex Reassignment Surgery) การเปลี่ยนแปลงอวัยวะเพศ หรือการสร้างช่องคลอดของเพศที่สามในปัจจุบัน มีการพัฒนาจากเดิมให้มีความเป็นธรรมชาติ และไม่ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนแต่ก่อน ซึ่งหากเป็นการผ่าตัดแบบสากล แพทย์จะต้องการทดสอบจิตใจของคนไข้ก่อนว่า มีอัตลักษณ์เพศ หรือความเข้าใจในเพศของตัวเองที่ชัดเจน สอบถามถึงความคิดของคนไข้เกี่ยวกับเพศของตัวเอง เช่น คนไข้มีความสุขดีหรือไม่กับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ รวมถึงความมั่นใจของคนไข้ในการตัดสินใจผ่าตัดแปลงเพศในครั้งนี้ เป็นต้น สิ่งสำคัญต่อมาคือสภาพความพร้อมทางด้านร่างกายของคนไข้ เช่น ความแข็งแรงทางด้านร่างกาย คนไข้ควรได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือโปรเจนโตอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง รวมถึงการรับประทานยากดฮอร์โมนเพศชาย โดยในส่วนของปริมาณการรับประทานควรอยู่ในความดูแลจากแพทย์อย่างเคร่งครัด และคนไข้ควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่องมาประมาณ 1 ปี และอายุคนไข้ที่สามารถเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศได้ ควรมีอายุ 20 ปีขึ้นไป เพราะจัดว่าเป็นบุคคลที่มีความคิด และบรรลุนิติภาวะอย่างสมบูรณ์แล้ว หรือหากมีอายุที่ต่ำกว่านั้น ก็ควรได้รับคำอนุญาตจากผู้ปกครอง

 

 

ต่อมาคือเทคนิคการผ่าตัด ซึ่งปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 เทคนิค ดังนี้

 

1.การผ่าตัดแปลงเพศแบบธรรมดา (Penile Skin Inversion) เป็นเทคนิคการผ่าตัดแบบทั่วไป แต่จะเหมาะกับคนไข้ที่มีความยาวของอวัยวะเพศ (รวมขนาดเวลาแข็งตัว) อยู่ที่ประมาณ 5-6 นิ้ว ซึ่งหลังทำการแปลงเพศแล้ว ความลึกของช่องคลอดก็ควรจะอยู่ที่ประมาณ 5-6 นิ้วเช่นกัน เป็นวิธีการนำผิวหนังองคชาติ มาสอดกลับเข้าไปตกแต่งทำเป็นช่องคลอด ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมที่สุด เพราะผิวหนังบริเวณอัณฑะก็จัดเป็นผิวหนังส่วนเกิน จึงสามารถนำใช้ได้โดยไม่มีแผลเป็นเพิ่ม

 

 

ข้อดีของวิธีนี้คือ เป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน หากทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ และประสบการณ์สูง จะใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 4 ชั่วโมงโดยประมาณ

 

 

แต่ข้อเสียของวิธีนี้ คือ ไม่เหมาะกับคนไข้ที่มีองคชาติสั้น หรือคนไข้ที่มีองคชาติสั้นกว่า 4 นิ้ว เพราะจะส่งผลต่อความลึกของช่องคลอดไปด้วยนั่นเอง

 

 

ขั้นตอนในการผ่าตัดนั้น แพทย์จะเริ่มจากการวางยาสลบ พร้อมทำการออกแบบช่องคลอดใหม่ พร้อมกำหนดความลึกของช่องคลอดให้อยู่ที่ประมาณ 5-7 นิ้ว โดยเป็นการนำผิวหนังส่วนองคชาติเดิมมาสร้างเป็นผนังของช่องคลอด เพื่อให้ได้ลักษณะของช่องคลอดที่เหมือน และใกล้เคียงผู้หญิงมากที่สุด แพทย์จะทำการตัดแกนองคชาติออก พร้อมทำการเก็บประสาทสัมผัสสำหรับรับความรู้สึกทางเพศ จากนั้นก็ทำการตกแต่งท่อปัสสาวะใหม่ให้สวยงาม อันได้แก่ แคมนอก แคมใน ท่อปัสสาวะ และตุ่มรับความรู้สึก (Clitoris) ตลอดจนลักษณะขนในที่ลับ (Pubic hair) เพื่อให้มีความเหมือนอวัยวะเพศหญิงแบบเป็นธรรมชาติมากที่สุด

 

 

2.การผ่าตัดแปลงเพศแบบใช้ลำไส้ (Sigmoid Colon) เทคนิคนี้จะเหมาะสมกับคนไข้ที่มีความยาวของอวัยวะเพศ (รวมขนาดเวลาแข็งตัว) ที่น้อยกว่า 6 นิ้ว หรือคนไข้ที่มีอวัยวะเพศขนาดสั้น เพราะจะสามารถเพิ่มความลึกของอวัยวะเพศหลังเปลี่ยนแปลงแล้วได้ถึง 7-8 นิ้ว และเหมาะกับการมีเพศสัมพันธ์ในกรณีที่คู่รักมีลักษณะของอวัยวะเพศที่ยาวกว่า 6 นิ้วขึ้นไป ในส่วนของขั้นตอนการผ่าตัดนั้น แพทย์จะทำการเปิดช่องระหว่างอัณฑะและทวาร เพื่อสร้างเป็นรูเพื่อทำช่องคลอด ความลึกของช่องคลอดจะอยู่ที่ประมาณ 4-5 นิ้วโดยประมาณ ซึ่งจัดว่าเป็นความลึกแบบทั่วไปตามแบบหญิงแท้ และค่อยตัดลูกอัณฑะออก ตัดเปิดผิวหนังอวัยวะเพศชายตามแนวยาว โดยยคงเก็บส่วนผิวหนังขององคชาติที่ห่อหุ้มเส้นประสาทไว้ เก็บท่อปัสสาวะจากบริเวณแกนกลางอวัยวะเพศ เพื่อนำมาทำเป็นผิวเชื่อมต่อกับคริสตอริส (Clitoris) หรือปุ่มรับความรู้สึกทางเพศและรูปัสสาวะ จากนั้นจึงจะนำลำไส้ใหญ่ประมาณ 15-20 เซนติเมตร มาต่อเข้ากับผิวหนังของอวัยวะเพศชาย เพื่อสร้างรูช่องคลอด

 

 

จากนั้นแพทย์จึงทำการตกแต่งรูปร่างของแคมใน และแคมนอกให้สวยงามจากผิวอวัยวะเพศชาย และถุงหุ้มอัณฑะ เป็นอันเรียบร้อยในขั้นตอนของการผ่าตัดแบบใช้ลำไส้ใหญ่ โดยที่คนไข้ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นประมาณ 3-5 อาทิตย์ จึงจะกลับไปทำงานได้ตามปกติ

 

 

ข้อดีของวิธีนี้คือ คนไข้จะมีอวัยวะเพศหญิงที่เหมือนจริง สวยงาม และเป็นสีชมพูทั้งหมด เพราะวิธีนี้จะแตกต่างกับวิธีอื่นที่มีการใช้ผิวหนังจากภายนอกมาทดแทน จึงอาจทำให้สีของอวัยวะเพศดูหมองคล้ำได้ นอกจากนี้การแปลงเพศด้วยวิธีต่อลำไส้ยังทำให้มีน้ำหล่อลื่นระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และคนไข้จะสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกระหว่างมีเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย

 

 

อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดแปลงเพศด้วยวิธีนี้ ต้องอาศัยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และความชำนาญในการผ่าตัดอย่างสูง เนื่องจากในระยะต่อไป ท่อปัสสาวะอาจมีโอกาสหดตัวไปจากตำแหน่งเดิมได้

 

 

ส่วนผลข้างเคียงของวิธีนี้คือ ภายหลังจากการผ่าตัดคนไข้อาจประสบปัญหาเลือดออกในช่วงแรก แต่อาการเหล่านั้นจะหายหลังผ่านไป 24 ชั่วโมง นอกจากนี้คนไข้อาจมีอาการรูท่อปัสสาวะบวม หรือปัสสาวะไม่ออกในช่วงแรกหลังถอดท่อสวนออกแล้ว ซึ่งเป็นอาการที่พบเห็นได้ทั่วไป และจะหายไปเมื่ออาการบวมทุเลาลง

 

 

จริงแล้วประโยคที่ว่า “หญิงไทยไร้จุดยืน” คงเป็นคำครหาที่ฟังไว้แค่ความเพลิดเพลินก็พอ เพราะหญิงแท้ในยุคปัจจุบันเอง ก็ยังสามารถพึ่งมีดหมอช่วยดลบันดาลไปเป็นนางฟ้าได้แบบสบายๆ เช่นกัน อย่างไรเสีย ความงามเพียงเปลือกนอก ก็คงเป็นเพียงความประทับใจเพียงชั่วคราว แต่ความงามจากภายใน จะยังเป็นสิ่งที่สวยงามแบบค้างฟ้าให้ใครต่อใครได้ชื่นชมกันแบบอย่างไม่จบสิ้น

(Some images used under license from Shutterstock.com.)