Haijai.com


ปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างไรให้ถูกวิธี


 
เปิดอ่าน 4450

ปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างไรให้ถูกวิธี

 

 

แสงแดดเป็นตัวการหนึ่งที่สำคัญในการทำร้ายผิวของเรา โดยปกติแสงส่วนที่มีผลต่อมนุษย์มากที่สุด คือ รังสีอัลตราไวโอเลต ที่สำคัญคือ UVA และ UVB ทำให้เกิดผิวไหม้แดด (sunburn) ผิวหนังอักเสบ ผิวแก่ก่อนวัย รวมถึงเนื้องอกและมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น การใช้ครีมกันแดดจึงถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้

 

 

วิธีการเลือกครีมกันแดด

 

 เลือกแบบ Broad Spectrum คือ ครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวได้ทั้งจากรังสี UVA และ UVB โดยดูจากฉลากผลิตภัณฑ์ที่แสดงส่วนประกอบสำคัญของยาว่า สามารถป้องกันรังสีได้ทั้ง 2 ชนิดหรือไม่ และดูจากค่า Critical wavelength (CW) ซึ่งเป็นการวัดประสิทธิภาพของครีมกันแดดนั้นในการป้องกันรังสี UVA ถ้า > 370 nm จะถือว่าครีมกันแดดนั้นเป็น broad spectrum

 

 

 เลือกครีมกันแดดที่มีความคงตัวดี ไม่สลายง่าย ไม่ละลายน้ำหรือละลายได้น้อย ทำให้ไม่ถูกชำระล้างด้วยเหงื่อหรือน้ำ

 

 

 เลือกชนิดที่มีค่าปลอดภัยสูง ไม่เป็นพิษ ไม่ระคายเคือง ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายน้อย ไม่กระตุ้นภูมิแพ้และไม่ก่อให้เกิดสิว

 

 

ค่า SPF (sun protection factor) คือ ระดับค่าที่ระบุในการป้องกันผิวจากรังสี UVB หรือคือจำนวนเท่าของเวลาที่ผิวทนต่อรังสี UVB ได้ หลังทายากันแดดเทียบกับผิวหนังที่ไม่ได้ทายากันแดด โดยดูจากอาการแดงของผิวหนัง ค่า SPF ที่เหมาะสม ควรเลือกใช้ค่า SPF อย่างน้อย 15 ขึ้นไป ถ้าแดดจัดหรือในคนที่มีประวัติโรคแพ้แสง หรือมะเร็งผิวหนังหรือในรายที่ผิวขาวมาก ควรใช้ SPF 30 ขึ้นไป และระดับค่า SPF ที่สูงขึ้น ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยปกป้องผิวได้ดีกว่า เพราะจริงๆ แล้ว ผลลัพธ์ในการปกป้องผิวแทบไม่ต่างกัน เช่น SPF 15 กันได้ 93% SPF 30 กันได้ 97% ส่วน SPF ที่ต่ำไป 2-14 จะป้องกันได้แค่ sunburn แต่ไม่สามารถป้องกันมะเร็งผิวหนังหรือภาวะแก่ก่อนวัยได้

 

 

 ค่า PA Protection Grade of UV คือ ระดับค่าที่ใช้วัดเพื่อป้องกันรังสี UVA โดยดูจากความคล้ำของผิวที่เปลี่ยนไปหลังสัมผัส UVA ซึ่งมีด้วยกัน 3 ระดับ คือ

 

1.PA+ คือ ระดับที่ช่วยป้องกันรังสี UV ได้ในระดับ 2-4 เท่า

 

2.PA++ คือ ระดับที่ช่วยป้องกันรังสี UV ได้ในระดับ 4-8 เท่า เหมาะสำหรับผู้ที่สัมผัสแสงแดดบ้าง

 

3.PA+++ คือ ระดับที่ช่วยป้องกันรังสี UV ได้ในระดับ 8 เท่าขึ้นไป เหมาะสำหรับผิวที่โดนแดด หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง โดยอัตราส่วนของ UVA PF ต่อ SPF ควรมากกว่าหรือเท่ากับ 1/3

 

 

 เลือกให้เหมาะกับกิจกรรมที่ต้องใช้ เช่น ถ้าว่ายน้ำหรือเล่นกีฬา ควรเลือกชนิดที่กันน้ำได้ เป็น water resistance (กันน้ำได้ 40 นาที) หรือ very water resistance (กันน้ำได้ 80 นาที)

 

 

 การทาครีมกันแดด ควรทาในปริมาณที่พอเหมาะ ควรทาให้ได้ความหนาอย่างน้อย 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตร โดยแนะนำให้ทาทับกันสองชั้น ถ้าทาในปริมาณที่น้อยเกินไป ฤทธิ์ในการปกป้องจะน้อยลง ที่สำคัญควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดประมาณ 15-30 นาที และถ้าต้องออกแดดแรงควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง และควรหลีกเลี่ยงการออกแดดช่วง 10.00-16.00

 

 

พญ.กิตธีรา ชัยสัมฤทธิ์ผล

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาขาตจวิทยาและศัลยกรรมเลเซอร์

โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล หนองแขม

(Some images used under license from Shutterstock.com.)